
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เป็นธนาคารพาณิชย์รายแรกที่ประกาศกำไรไตรมาส3/60 แตะ 1.57 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% Y/Y ออกมาดีตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด หลังการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง
โดยในไตรมาส4 TISCO เตรียมโอนสินทรัพย์จากการเข้าซื้อพอร์ตรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ที่แล้วเสร็จไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 60 มีมูลค่าสินเชื่อ 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการเคหะ 24,000 ล้านบาท ,สินเชื่อบุคคล 5,000 ล้านบาท ,สินเชื่อธุรกิจรายย่อย 3,400 ล้านบาท ,สินเชื่อบัตรเครดิด 3,300 ล้านบาท ,และเงินฝากอีก15,000 ล้านบาท

คุณสุทัศน์ เรืองมานะมงคล CEO - บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO)
ในเรื่องนี้ คุณสุทัศน์ เรืองมานะมงคล CEO ของ TISCO ยอมรับว่า จากการโอนพอร์ตสินเชื่อรายย่อยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ในไตรมาสสุดท้ายของปี จะช่วยหนุนสินเชื่อรวมสิ้นปีนี้จะเติบโตราว 10% ซึ่งในส่วนของกำไรน่าจะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส3 ที่ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพอร์ตลูกค้ารายย่อยที่โอนเข้ามานั้นจะมีหนี้เสียอยู่ที่ 3% แต่ธนาคารได้ตั้งสำรองรวมไว้ในสัญญาแล้ว ทำให้ไม่ต้องมีการตั้งสำรองอีกในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ(coverage ratio) สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 180% สูงกว่าระบบที่เฉลี่ย130-140%
ทั้งนี้ โครงสร้างสินเชื่อของธนาคารหลังการควบรวมพอร์ตรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)
- สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากเดิม 75%
- สินเชื่อรายใหญ่ 14-15% ลดลงจากเดิมที่ 17%
- สินเชื่อเอสเอ็มอี 6-7% หลังรวมลดลงเหลือ 5%
สำหรับทิศทางสินเชื่อรวมปีหน้าธนาคารคาดจะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ตามแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ
คอมเมนท์